🚛 ติดตั้ง LNG รถบรรทุก ประหยัดกว่าดีเซลจริงหรือ? | Jeamprotech

บทนำ

ปัจจุบันธุรกิจขนส่งในประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาค่าน้ำมันดีเซลที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต้นทุนเชื้อเพลิงคิดเป็นสัดส่วนกว่า 40–60% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรถบรรทุก ทำให้หลายบริษัทเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ที่ช่วยลดต้นทุนและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หนึ่งในทางเลือกที่มาแรงคือ LNG (Liquefied Natural Gas) หรือก๊าซธรรมชาติเหลว ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในวงการขนส่งขนาดใหญ่

คำถามคือ LNG ประหยัดกว่าดีเซลจริงหรือไม่? และคุ้มค่าที่จะเปลี่ยนมาใช้ในรถบรรทุกหรือเปล่า มาหาคำตอบกันครับ

LNG คืออะไร?

LNG หรือก๊าซธรรมชาติเหลว เป็นก๊าซมีเทน (CH₄) ที่ถูกทำให้เย็นจัดจนกลายเป็นของเหลวที่อุณหภูมิประมาณ -162 °C จุดเด่นคือ

• มีความหนาแน่นสูงกว่าก๊าซธรรมชาติแบบอัด (NGV)

• สามารถบรรจุในถังที่เล็กกว่าแต่ให้พลังงานสูงกว่า

• ใช้แทนดีเซลในรถบรรทุกขนาดใหญ่ได้โดยตรง

• มีมาตรฐานความปลอดภัยสากล เช่น ECE R110 ที่ใช้ในยุโรป

  
  

เปรียบเทียบต้นทุน: LNG vs Diesel

หนึ่งในเหตุผลหลักที่ธุรกิจขนส่งสนใจ LNG คือเรื่อง ต้นทุนต่อกิโลเมตร ลองดูการเปรียบเทียบตัวเลขง่าย ๆ

ประเภทเชื้อเพลิง	อัตราสิ้นเปลือง	ราคาต่อหน่วย	ต้นทุนต่อกิโลเมตร
ดีเซล	3 กม./ลิตร	31.94 บาท/ลิตร	10.64 บาท/กม.
LNG	3.5 กม./กก.	28 บาท/กก.	8 บาท/กม.

สรุป:

• การใช้ LNG สามารถประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้ ประมาณ 20–30% ต่อกิโลเมตร เมื่อเทียบกับดีเซล

• ยิ่งรถวิ่งระยะทางไกลและต่อเนื่องมากเท่าไร ความคุ้มค่าก็จะยิ่งชัดเจน

  
  

ข้อดีของการใช้ LNG

นอกจากเรื่องต้นทุนแล้ว LNG ยังมีข้อดีอีกหลายด้านที่น่าสนใจ:

✅ ลดต้นทุนเชื้อเพลิงระยะยาวธุรกิจขนส่งที่มีรถจำนวนมากสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลในแต่ละปี

✅ ลดมลพิษทางอากาศการเผาไหม้ของ LNG ปล่อยควันดำและมลพิษน้อยกว่าดีเซล เหมาะกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม

✅ ได้ประโยชน์ด้านคาร์บอนเครดิตบริษัทที่ใช้ LNG สามารถเข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกและรับ Carbon Credit ซึ่งสามารถขายต่อหรือใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางธุรกิจได้

✅ เติมเชื้อเพลิงเร็วกว่า NGVไม่ต้องรอคิวเติมนานเหมือน NGV และยังมีสถานี LNG ที่เริ่มขยายเพิ่มมากขึ้นในไทย

ข้อควรพิจารณาก่อนติดตั้ง

แม้ LNG จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีประเด็นที่ควรพิจารณา ได้แก่:

• ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการติดตั้งต้องลงทุนติดตั้งระบบใหม่ เช่น ถัง LNG, ECU, ระบบท่อ ซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ

• มาตรฐานความปลอดภัยถังและอุปกรณ์ต้องได้มาตรฐาน เช่น ECE R110 เพื่อความมั่นใจในระยะยาว

• การบำรุงรักษาต้องมีการตรวจเช็กระบบสม่ำเสมอโดยทีมงานที่มีประสบการณ์

• เลือกบริษัทติดตั้งที่เชื่อถือได้การเลือกผู้ให้บริการมีความสำคัญมาก หากติดตั้งไม่ถูกต้องอาจทำให้สิ้นเปลืองหรือเกิดปัญหาตามมา

  
  

กรณีศึกษา: JeamProTech

บริษัท เจียมโปรเทค (JeamProTech) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้งระบบ CNG/NGV สำหรับรถบรรทุกมากว่า 20 ปี และเคยมีผลงานใหญ่ในการติดตั้งระบบ LNG ให้รถบรรทุกของบริษัทดับเบิ้ลเอกว่า 49 คัน ภายในเวลาเพียง 6 สัปดาห์ และจนถึงปัจจุบัน ติดตั้ง LNG ไปแล้วมากกว่า 100 คัน ซึ่งแสดงถึงทั้งความเชี่ยวชาญและความพร้อมด้านทีมงาน

สรุป

การติดตั้ง LNG ในรถบรรทุกถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เพราะช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้ 20–30% เมื่อเทียบกับดีเซล อีกทั้งยังช่วยลดมลพิษทางอากาศและสร้างโอกาสในการรับคาร์บอนเครดิต หากเลือกติดตั้งกับบริษัทที่ได้มาตรฐานและมีประสบการณ์ คุณจะได้ทั้งความคุ้มค่าและความปลอดภัย

🔗 สนใจติดตั้ง LNG รถบรรทุก?

Jeamprotech พร้อมให้คำปรึกษาและติดตั้งระบบ LNG มาตรฐานสากล ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี

👉 [ติดต่อเราเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม]

Click Me